//CASE STUDY: JAPANESE CAR BRAND

//CASE STUDY: JAPANESE CAR BRAND

ใช้ BIG DATA ทำให้ ALWAYS ON คอนเท้นท์มีประสิทธิภาพมากขึ้น

รถยนต์จะมีคนลงทะเบียน test drive สูงในช่วงที่จัดแคมเปญการตลาด แต่เมื่อแคมเปญจบคนที่มาลงทะเบียนก็หายไปด้วย

ความท้าทายของโจทย์แบรนด์ในครั้งนี้ก็คือ เราจะทำยังไงให้มีคนสนใจรถยนต์ของแบรนด์ และมีการลงทะเบียน test drive สม่ำเสมอ ไม่ต้องรอเฉพาะช่วงที่มีจัดแคมเปญพิเศษเท่านั้น

ซึ่งทางแบรนด์เอง ก็มีการเก็บดาต้าลูกค้าในจุดต่างๆอยู่แล้ว เช่นเก็บเมื่อเข้าชมเว็บ หรือเมื่อไปทำการ test drive จริง แต่ไม่เคยเอาดาต้าทุกอย่างมารวมกันให้เป็นก้อนเดียว หมายความว่าดาต้ากระจัดกระจายกันหมด ไม่เคยรู้ว่า คนที่มาลงทะเบียนไป test drive จริงหรือไม่  หรือเมื่อไป test drive แล้วซื้อรถจริงมั้ย

โดยเราจะใช้ Big Data เข้ามาเป็น Solution ในการแก้ปัญหาโจทย์นี้ 

ที่รวมดาต้าจากทุก consumer touchpoint ของฮอนด้าเพื่อสร้าง journey ของผู้ใช้งานที่เคยมาทิ้งข้อมูลไว้แล้ว และเพื่อเข้าถึงลูกค้าใหม่ๆด้วย

  • สำหรับลูกค้าที่เคยทิ้งข้อมูลไว้แล้ว เราก็จะเก็บดาต้าได้ว่าเค้าสนใจรถรุ่นไหน เพื่อยิงpersonalized message ad ออกไป

หรือคนที่เคยไป test drive แล้วยังไม่ซื้อรถเพราะอะไร เราก็จะมี personalized message ad เพื่อยิงข้อความที่ trigger ให้เค้ากลับมาซื้อรถของแบรนด์ด้วย

  • สำหรับการยิงโฆษณาเพื่อเข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ

กลยุทธ์คือปล่อยโฆษณาออกไปก่อน เพื่อเก็บดาต้าว่าแต่ละผู้ใช้สนใจคอนเท้นท์แบบไหน และแสดงแต่คอนเท้นท์ที่เค้าสนใจ เพื่อให้การสื่อสารได้ผลมากยิ่งขึ้น

Data Partnership ก็สำคัญ

การจะขยายกลุ่มลูกค้าของแบรนด์ ยังมีการไปหา data source ใหม่ๆอีกด้วย หรือดาต้ากลุ่มที่เราเรียกว่า second party data โดยการไปเป็น partner กับเว็บข่าว หรือบล็อคที่เกี่ยวกับรถยนต์ที่แสดงผลการค้นหาบนหน้าแรกของ Google ทั้งหมด เราก็จะได้ดาต้าของผู้ใช้งานที่สนใจซื้อรถยนต์ในเว็บไซต์นั้นๆด้วย

ผลลัพธ์

หลังจากการทำ Data 360 ที่รวมทั้ง CRM Data, first party data และ second party data เข้าด้วยกัน และนำมาใช้ personalized message เพื่อยิงให้ผู้ใช้แต่ละคนแล้วทำให้

– Cost per lead ลดลง 217%

– จำนวนคนมาลงทะเบียน ​test drive เพิ่มขึ้น 46%

– เวลาที่ผู้ใช้อยู่บนเว็บไซต์ฮอนดานานขึ้น 34%

– คนที่ลงทะเบียนแล้วมา test drive จริงเพิ่มขึ้น 4%

จะเห็นได้ว่า เมื่อเราใช้ดาต้าถูกวิธี จะทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายค่าโฆษณาได้มาก

จะเพิ่มโอกาสทางธุรกิจได้ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่เรายิงโฆษณาออกไป เป็นกลุ่มที่สนใจแบรนด์หรือสินค้านั้นๆอยู่แล้ว จริงเกิดการซื้อจริงง่ายมากขึ้น และทุกการยิงโฆษณาจะไม่สูญเปล่า